0 ความคิดเห็น

Computer Assisted Language Learning and English Language Teaching in Thailand

บทนำ : การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนภาษาในประเทศไทย

        ผลการสอบทางด้านภาษาของพวกเขาหลังจากการทดสอบระดับชาติ  หรือโดยการสอบที่ได้มาตรฐานต่างๆ  อันได้แก่  TOEFL  และ  TOEIC  ยังคงอยู่ไกลจากระดับความพึงพอใจ  ผลงานจากเด็กที่เรียนภาษาที่ไม่น่าพึงพอใจนี้แสดงให้เห็นว่า  ทั้งๆที่มีความพยายาม  อุตสาหะ  จากทุกๆหน่วยงานได้มีความวิตกกังวลว่า  การสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยนั้นประสบกับปัญหาความก้าวหน้าอย่างเชื่องช้า  ดังนั้น  ศึกษานิเทศก์  ผู้บริหาร  และนักพัฒนา  ต้องให้ความสนใจโดยทันที  ภายใต้ความต้องการที่จะปรับปรุง  แก้ไข  ELT  ในประเทศไทย  พวกเขาจำเป็นที่จะต้องกระตือรือร้นในการวินิจฉัยถึงกลยุทธ์ในการสอนภาษาอังกฤษในหมู่นักเรียนชาวไทย  ภายใต้ความต้องการของผลวิชาภาษาอังกฤษที่มีอยู่ในระดับชาติ  เทคโนโลยีเหล่านี้ได้กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิผลในการติดต่อสื่อสารกับผู้คนรอบโลก  เทคโนโลยีนั้นเร็วกว่า  ง่ายกว่า  และสะดวกกว่าในการใช้สื่อรุ่นเก่าอื่นๆ   โดยเฉพาะ  บทบาทของคอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนภาษานั้นเพิ่มขึ้นมาในระดับโลกแล้ว  สาเหตุเพราะผู้เรียนภาษาส่วนใหญ่จะใช้อินเทอร์เน็ต    ในการสื่อสารกับนักเรียนผู้อื่นในเวลาเดียวกัน  หรือผู้พูดในภาษาเป้าหมายที่อยู่รอบโลก  
           บทความนี้แสดงให้เห็นความคิดของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จัดให้เห็นภาพโดยรวมของ CALL ว่าเป็นอย่างไรในการสอนภาษา พร้อมทั้งเน้นข้อดีและข้อเสียของการประยุกต์ใช้ CALL ให้เรียนรู้ภาษาประสบผลสำเร็จ บทบาทในการสอนและเรียนรู้ภาษา

การพัฒนาของCALL

           - Behaviorist CAll    เป็นลักษณะของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรุ่นแรกที่มีการใช้ในช่วง ปี 1960 - 1970  ซึ่งจะเน้นกระบวนการฝึกฝนและทบทวนซ้ำๆ  คำศัพท์  ไวยากรณ์  และการแปล ภายใต้การสร้างแรงกระตุ้นแก่นักเรียนโดยยึดทฤษฎีพฤติกรรมการเรียนรู้ 
           - Communicative CALL  
เป็นลักษณะของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในช่วงปี 1970 - 1980 ที่เน้นกระบวนการพัฒนาศักยภาพการสนทนาในสถานการณ์จริง  โดยคอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่เป็นผู้สอนพร้อมกับการสร้างแรงกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจผ่านกิจกรรมการสนทนา ที่จะทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจในภาษาอังกฤษผ่านกระบวนการสร้างคำ การสะกดคำ ไวยากรณ์ ในโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์
           - Integrate Call  
เป็นลักษณะของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในปี 1980 - 1990  ที่นำเทคโนโลยีมาบูรณการในการเรียนการสอนภาษาที่เน้นทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน   โดยเปิดให้นักเรียนได้ศึกษาตามความสนใจผ่านอินเตอร์เน็ตเข้าถึงแหล่งความรู้ที่ทันสมัย และ รวดเร็ว

ข้อดีและข้อเสียของการใช้CALL

ข้อดีของCALL
     - ในการเรียนภาษาได้จัดเตรียมข้อมูลที่น่าเชื่อถือให้กับนักเรียน
     - ครูสามารถใช้ CALL เพื่อจัดการเข้าถึงที่ง่ายและรวดเร็วต่อแหล่งข้อมูลในการเรียนภาษาที่หลากหลาย  
     - สร้างความสนใจ แรงจูงใจ และความมั่นใจของนักเรียน
     - เป็นสื่อกลางให้นักเรียนได้แสดงความสามารถที่สร้างสรรค์
     - ผู้เรียนสามารถเรียนอย่างกว้างขวางด้วยข้อมูลต่างๆ และส่งเสริมตามที่พวกเขาต้องการ เพื่อให้งานแต่ละคนเกิดความสมบูรณ์ และตอบสนองความต่อความหลากหลายของผู้เรียน 
ข้อเสียของCALL
     - ค่อนข้างมีราคาสูงของเครื่องคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพในห้องเรียนมีน้อย
     - ใช้เวลาในการลงโปรแกรมเป็นเวลานาน

การศึกษาCALLและELTในประเทศไทย

       โครงการบูรณาการ CALL การสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยไม่สามารถพูดได้ว่าโปรแกรมที่คาดหวังในบริบทของการศึกษาระดับชาติ การศึกษาสามัญ โปรแกรม CALL ที่ใช้ในบริบทรวมถึงโปรแกรมการสอน การฝึกฝนและปฏิบัติ สาธิต การจำลอง เกมส์ การทดสอบ และโปรแกรมการสอนที่มีความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวมแก่นักเรียน  จะนำเสนอข้อมูลในหน่วยเล็กๆ ที่มีประโยค กราฟิก และเสียง นักเรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาผ่านทางคำถามเพื่อให้นักเรียนตอบ พวกเขาได้รับการตอบรับทันที ถ้าคำตอบของพวกเขาไม่ถูกต้อง พวกเขาจะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง บทเรียนชนิดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยมมากสำหรับนักเรียนและครู เพราะว่ามีแบบฝึกหัด 
      การฝึกทดสอบเป็นการทบทวนเนื้อหาความรู้เดิมของนักเรียนและยังช่วยให้นักเรียนสามารคงไว้ซึ่งทักษะทางภาษาไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การฟัง  เป็นต้น    การกระตุ้นพร้อมให้นักเรียนเกิดการตอบสนองอย่างกระตือรือร้น และการตอบโต้ของนักเรียนถือเป็นขั้นตอนสำคัญของโปรแกรมนี้    
     การสร้างสถานการณ์สมมุติหรือการแก้ปัญหาได้นำมาใช้เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการคิดเชิงวิจารณ์ ทักษะการอภิปราย และทักษะการเขียน  โดยการใช้สถานการณ์ในชีวิตจริงเพื่อที่นักเรียนสามารถนำไปใช้ได้จริง  นักเรียนจะรู้สึกท้าทายในการแก้ปัญหา ที่ประกอบไปด้วยการสันทนาการกับการเรียนรู้   เกมส์ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน ปรกติแล้ว เกมส์ที่นำมาใช้ในการเรียนการสอนจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ความหมายของการเลียนแบบและเกมส์ก็คล้ายๆกัน การเลียนแบบก็คือการเลียนแบบจากสถานการณ์จริง  แต่เกมส์อาจจะไม่เป็นการเลียนแบบจากสถานการณ์จริง นักเรียนสามารถที่จะเรียนรู้กติกา  กระบวนการ รวมทั้งทักษะอื่นๆ

การเรียนโดยอาศัยโปรแกรมCALL      

       Maneekul (1996) ได้ยกตัวอย่างของความพยายามในการค้นหาผลของการมีสิ่งที่เพิ่มเติมในการสอนแบบปกติ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  เพื่อทำให้การสอนได้ผลดีที่สุด รวมถึงทัศนคติในส่วนของคะแนนผลการสอบของนักเรียนไทยก็ดีไปด้วย  การศึกษาแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในการสอนแบบปกติ
       Tongtua (2008) พิจารณาเรื่องนี้ด้วยเช่นกับว่า การพัฒนาทักษะความสามารถในการอ่าน ในระเบียบการปรับปรุงการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนเพื่อความเข้าใจ,ทดสอบความสำเร็จและสอบถามทัศนคติและทดสอบนักเรียนมัธยมปลาย 20 คน ผลลัพธ์ที่ได้ แสดงให้เห็นว่า นักเรียนที่เรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีการบรรลุถึงผลสำเร็จเป็นอย่างมาก  และมากกว่าผู้ที่เรียนโดยใช้หนังสือเรียนเสริม และยังทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดีกับการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการเรียนภาษาอีกด้วย 
        Tongpoon (2001) ศึกษาการพัฒนาโปรแกรมสื่อการสอน แกรมม่า เรื่อง phrasal verbsใช้กับนักศึกษาปี 1 เอกภาษาอังกฤษพบว่า นักเรียนมีความสามารถดีขึ้นระหว่างการใช้ CALL ในการเรียนภาษาอังกฤษ
         อินทัต (2003)  ประเมินผล CALL การใช้การสอบ pre – test และ post – test มาเปรียบเทียบกับผลคะแนน post – test สูงกว่า pre – test สรุปว่า CALL นักศึกษามีความสามารถมากขึ้น CALL สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในหลักสูตรการศึกษาของไทยได้
          Writing  skill  อินทัต (2009)ได้พัฒนาการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองจากสื่อ CALL เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน กับนักศึกษา .ตรี ของไทย 100 คน ผลที่ได้คือ นักศึกษามีความสามารถเพิ่มขึ้น 
          Gubtapool (2002)  ได้สำรวจกลยุทธ์ของนักศึกษาไทยกับการใช้โปรแกรมการสร้างคำเพื่อช่วยพัฒนาการเขียนได้สำรวจทางการสัมภาษณ์ เอกสารการวิเคราะห์ ผล: โปรแกรมช่วยนักศึกษาพัฒนาการเขียนในหลายเรื่องเช่น capitalization, singular plural forms, subject verb agreement และ punctuation โปรแกรมช่วยตรวจสอบ spelling และ grammar



read more
0 ความคิดเห็น

The Difficulties and Challenges of Teachers' Integrating CAI into Teaching

The Brief of Computer Assisted Language Learning:ประวัติโดยย่อของCALL

           CALL  สามารถแบ่งได้เป็น  3  ประเภท  ได้แก่  behaviorist CALL,  communicative CALL,  and  integrative CALL
           -Behaviorist CALL  เริ่มใช้สอนตั้งแต่1960และ1970  เป็นการเรียนการสอนแบบฝึกทำซ้ำๆเพื่อเป็นการกระตุ้นในการรับข้อมูล  ซึ่งตัวโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่เป็นติวเตอร์  มีการพัฒนาเป็นระบบPLATO  เป็นโปรแกรมการสอนในคอม  PLATOทำงานด้วยฮาร์ดแวร์พิเศษซึ่งประกอบด้วยคำศัพท์  อธิบายหลักไวยกรณ์โดยย่อและแปลภาษา
           -Communicative CALL  จะเน้นวิธีการสอนการสื่อสารเป็นสำคัญ  เริ่มต้นตั้งแต่ปี1970และช่วงต้น1980  communicative CALLช่วงแรกๆจะทำหน้าที่เป็นติวเตอร์  เพื่อให้นักเรียนมีตัวเลือก  ควบคุมและผสมผสานเข้าด้วยกัน  นอกจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นเเละเป็นเครื่องมืออีกด้วย  ช่วงต่อมาจะทำหน้าที่ทำให้นักเรียนมีความเข้าใจในกระบวนการสร้างคำ  สะกดคำ  หลักไวยกรณ์   ซึ่งจะติดตั้งโปรแกรมอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
         -Integrative CALL  เป็นที่รู้จักในช่วง1980และช่วงต้น1990  เริ่มบูรณาการทักษะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการฟัง  การพูด  การเขียน  และการอ่าน  เทคโนโลยีมีบทบาทในกระบวนการเรียนมายิ่งขึ้น  นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากสิ่งแวดล้อมต่างๆและสามารถสืบหาข้อมูลได้อย่างกว้างโดยผ่านเครือข่ายการสื่อสาร

The Significance and Trends of Instructional Technology:ความสำคัญและเทรนด์ในการเรียนการสอน
         CALL  หาสื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนและครูผู้สอนจะต้องประเมินด้วยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
         1.คอมพิวเตอร์มีอยู่ทั่วๆไปในโรงเรียน  เพราะฉะนั้นนักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อได้
         2.การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆที่อยู่ทั่วโลก
         3.เทคโนโลยีทางการศึกษาเพิ่มขึ้นทั้งที่บ้านและชุมชน
         4.ความต้องการใหม่  คือ  ครูต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ได้
         5.เครือข่ายเป็นวิธีการที่รวดเร็วในการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษา
         6.เทคโนโลยีการศึกษามีความเกี่ยวข้องกับนโยบายทางการเมือง
         7.ระบบการเผยแพร่ข้อมูลในวงการการศึกษาเพิ่มมากขึ้น
      8.เทคโนโลยีถือว่าเป็นตัวที่ใช้ในการขับเคลื่อนในการปฏิรูปทางการศึกษา

The Principles and Factors are Applied in Technology:หลักการและปัจจัยที่ประยุกต์ใช้

การกระตุ้น  1.ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
                       2.กระตุ้นให้มีการรับรู้ของผู้เรียน
                       3.กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม
หน้าที่หลักของการสอน  1.ช่วยให้ผู้เรียนพบปัญหาและช่วยแก้ปัญหา
                                                2.ติดตามการเรียนรู้ของผู้เรียน
                                                3.ช่วยผู้เรียนเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลต่างๆ
ส่งเสริมกลยุทธ์ต่างๆ  1.ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม
                                          2.กระจายความเก่งแต่ละคน
                                          3.ให้ผู้เรียนรู้จักเเก้ปัญหา
การเพิ่มพูน  1.ส่งเสริมเพิ่มพูนชิ้นงานของครู
                        2.ประหยัดเวลาในการออกแบบต่างๆฃ

The Study:การเรียนการศึกษา
         ให้ผู้เรียนทำโครงงานเพื่อพัฒนาการสื่อสาร  โดยทำโครงงานเป็นสื่อการเรียนการสอน  และสามารถนำคอมมาใช้ทั้งฟังและพูดในรูปแบบภาพยนตร์  วีดิโอ  ซีดีรอม  และครูจะสร้างe-learningเพื่อที่จะให้นักเรียนโพสต์และดูงานหรือแก้ไขงานของคนอื่นๆได้
          1.ผู้เรียนได้ทำงานเป็นกลุ่ม4-5คน
          2.ครูให้หัวข้อ  เพื่อที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนครูก็เปิดCD-ROM
          3.ครูหาข้อมูล,วิธีการต่างๆให้ผู้เรียนได้ค้นหาข้อมูล
    4.สมาชิกในกลุ่มมีความรับผิดชอบ  และมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน  เพื่อบูรณาการในการแก้ปัญหา
          5.ถ่ายวีดิโอเพิ่มเพลงหรือเพิ่มสิ่งอื่นๆ
          6.รวบรวมขอมูลต่างๆที่สัมภาษณ์
          7.สมาชิกแต่ละกลุ่มโพสต์งานของตัวเอง
          8.นำเสนอโดยการใช้วีดิโอหรือPowerpoint
          9.ครูและนักเรียนตรวจสอบข้อมูลต่างๆ

Difficult of Applying Computer Assisted Instruction to Teaching : ความยุ่งยากในการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์

                        1. วัสดุอุปกรณ์ในโรงเรียนไม่คงที่  ยากต่อการใช้งาน
                2. การให้ความสำคัญของผู้บริหาร  โรงเรียนขาดทรัพยากรและงบประมาณในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์
                3. ความเชื่อและสไตล์การเรียนการสอนของครู  ทัศนคติของครูมีความสำคัญ  ครูต้องมีความพยายามในการบูรณาการนำคอมพิวเตอร์มาสอน  และต้องมีการออกแบบเทคนิคการสอนแบบใหม่ๆและมีการประเมิน
                5. ออกแบบหลักสูตรและปรับปรุงสื่อการสอนให้เหมาะกับผู้เรียน
                6. ผู้เรียนไม่มีความสามารถในการจัดการอะไรเลย  ครูผู้สอนต้องส่งเสริม

The Solution to The Problems of Applying Computer Assisted Instruction to Teaching : การแก้ปัญหา

                1. สนับสนุนและส่งเสริม
                2. เพิ่มทัศนคติความเชื่อของครู  ครูต้องมีความกระตือรือร้น  กล้าเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการเรียนการสอน  
                3. เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้เทคโนโลยีในการสอน  ครูต้องทำความคุ้นเคยรวมกลุ่มกันเพื่อออกแบบหลักสูตร
                4. ลดภาระงานของครู  จัดการนักเรียนโดยการสอนหัวหน้ากลุ่มและให้ไปสอนครูกับเพื่อนๆในห้องเรียน  และมีการติดต่อกันในคอมพิวเตอร์ด้วย
                5. ต้องประเมินตนเองและผู้อื่น  เพื่อสะท้อนความคิด


ความเห็นของผู้เขียน
                ปัจจุบันนนี้การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีบทบาทสำคัญมากในการเรียนการสอน  ในฐานะที่พวกเราเป็นเยาวชนรุ่นใหม่และเป็นว่าที่คุณครูในอนาคตก็ควรที่จะมีความรู้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน  และต้องรู้จักบูรณาการนำไปใช้ในชีวิตจริงได้








       
read more

ELT Demo Lesson:Vocabulary and Reading-Pre-Intermediate

Learn English Listening Skills